วันพฤหัสบดีที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2555
วันอาทิตย์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2555
วันเสาร์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2555
วันคริสต์มาส
คริสต์มาส เป็นคำทับศัพท์จากภาษาอังกฤษ (Christmas) ซึ่งมาจากคำภาษาอังกฤษโบราณว่า Christes Maesse แปลว่า "บูชามิสซาของพระคริสตเจ้า" คำว่า "Christes Maesse" พบครั้งแรกในเอกสารโบราณเป็นภาษาอังกฤษ (เขียนขึ้นในปี ค.ศ. 1038) และในปัจจุบันคำนี้ก็ได้เปลี่ยนมาเป็นคำว่า Christmas
ประวัติ ความเป็นมาของวันคริต์มาส ซึ่งเป็นวันประสูติของพระเยซูนั้น ตามหลักฐานในพระคัมภีร์บันทึกไว้ว่า พระเยซูเจ้าประสูติในรัชกาลของจักรพรรดิออกุสตุสแห่งจักรวรรดิโรมัน ซึ่งทรงสั่งให้จดทะเบียนสำมะโนครัวทั่วทั้งแผ่นดิน โดยคีรีนิอัส เจ้าเมืองซีเรีย ก็รับนโยบายไปปฏิบัติให้มีการจดทะเบียนสำมะโนครัวทั่วทั้งอาณาเขต แต่ในพระคัมภีร์ ไม่ได้ระบุว่า พระเยซูประสูติวันหรือเดือนอะไร ด้านนักประวัติศาสตร์วิเคราะห์ว่า เดิมทีวันที่ 25 ธันวาคม เป็นวันที่จักรพรรดิเอาเรเลียนกำหนดให้เป็นวันฉลองวันเกิดของสุริยะเทพ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 274 ชาวโรมันซึ่งส่วนใหญ่นับถือเทพเจ้าฉลองวันนี้เสมือนว่า เป็นวันฉลองของพระจักรพรรดิไปในตัวด้วย เพราะจักรพรรดิก็เปรียบเสมือนดวงอาทิตย์ ที่ให้ความสว่างแก่ชีวิตมนุษย์ แต่ชาวคริสต์ที่อยู่ในจักรวรรดิโรมัน รวมถึงชาวโรมันที่เปลี่ยนไปนับถือคริสต์อึดอัดใจที่จะฉลองวันเกิดของสุริยเทพ จึงหันมาฉลองการบังเกิดของพระเยซูเจ้าแทน หลังจากที่ชาวคริสต์ถูกควบคุมเสรีภาพทางศาสนาตั้งแต่ปี ค.ศ. 64 – ค.ศ. 313 จนถึงวันที่ 25 ธันวาคม ปี ค.ศ. 330 ชาวคริสต์จึงเริ่มฉลองคริสต์มาสอย่างเป็นทางการและเปิดเผย
ดังนั้นเป็นการฉลองการบังเกิดของพระเยซูที่เราเฉลิมฉลองกันในวันที่ 25 ธันวาคม คำว่า " คริสมาส" เป็นคำทับศัพท์ภาษาอังกฤษ Christmas มาจากคำภาษาอังกฤษโบราณ ว่า Christes Maesse ที่แปลว่า "บูชามิสซาของพระคริสตเจ้า" คำว่า "Christes Maesse" พบครั้งแรกในเอกสารโบราณเป็นภาษาอังกฤษในปี 1038 และคำนี้ก็ได้แปรเปลี่ยนมาเป็นคำว่า Christmas
ใน ภาษาไทย " คริสต์มาส " ก็มีความหมาย เช่นกัน คำว่า "มาส" แปลว่า "เดือน" เทศกาลคริสต์มาสจึง เป็นเดือนที่เราระลึกถึงพระเยซูคริสต์เจ้าเป็นพิเศษ คำว่า"มาส" คือ"ดวงจันทร์" ตีความหมายในภาษาไทยคือพระเยซูทรงเป็นความสว่างของโลก เหมือนดวงจันทร์ เป็นความสว่างในตอนกลางคืน Merry X’mas คำว่า Merry ในภาษาอังกฤษโบราณ แปลว่า"สันติสุขและความสงบทางใจ"
คำ นี้จึงเป็นคำที่ใช้อวยพรคนอื่น ขอให้เขาได้รับสันติสุขและความสงบทางใจ ถือเอาประเพณีของชนในท้องถิ่นนั้น มาประยุกต์เข้ากับศาสนา โดยจัดให้มีการฉลองเพื่อระลึก ถึงการบังเกิดของพระเยซู ที่เขายกย่องเหมือนกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งสากลโลก ผู้ทรงเกียรติเลอเลิศประเพณี นี้ ได้เริ่มมาจากรุงโรมในศตวรรษ ที่ 4 และ ค่อยๆ เผยแพร่ไปทุกทวีป
วันรัฐธรรมนูญ
วันรัฐธรรมนูญ ตรงกับวันที่ 10 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันที่ระลึกคล้ายวันที่ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทาน รัฐธรรมนูญราชอาณาจักรสยามฉบับถาวร เพื่อเป็นหลักในการปกครองประเทศตามระบอบประชาธิปไตยให้แก่ประชาชนชาวไทย
ความเป็นมา
การเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๕ นับว่ามีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในประวัติศาสตร์การปกครองของชาติไทย เนื่องจากเป็นการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบประชาธิปไตย โดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญอันเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ
สาเหตุที่เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครอง
๑. พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ แห่งราชวงศ์จักรีทรงมีพระราชประสงค์ที่จะพระราชทานรัฐธรรมนูญ เพื่อเป็นหลักในการปกครองของประเทศให้แก่ประชาชนชาวไทย
๒. หลังสงครามโลกครั้งที่ ๑ เศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก ผลอันนี้ได้กระทบมาถึงไทยด้วย พระองค์ได้แก้ไขเศรษฐกิจโดยปลดข้าราชการออก ยังความไม่พอใจในหมู่ข้าราชการ
๓. อิทธิพลจากตะวันตกเกี่ยวกับอุดมการทางการเมือง ทำให้กลุ่มคนหนุ่มต้องการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน
๔. รัฐบาลได้ออกกฏหมายเก็บภาษี อาทิ ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน จากราษฎร
จากสาเหตุดังกล่าวข้างต้น ทำให้เกิดความไม่พอใจในหมู่ข้าราชการทหาร และราษฎรทั่วไปจึงทำให้มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง โดยการปฏิวัติ มีคณะผู้รักษาการพระนครฝ่ายทหาร ซึ่งประกอบด้วยพันเอก พระยาพหลพยุหเสนา พันเอกพระยาทรงสุรเดช และพันเอกพระฤทธิอาคเนย์ เป็นผู้บริหารประเทศ
วันที่ ๒๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๕ ได้มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญชั่วคราวเรียกว่า "พระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว" สาระสำคัญของธรรมนูญการปกครองฉบับนี้ได้แก่ การที่กำหนดว่าอำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศหรืออำนาจอธิปไตยเป็นของราษฎรทั้งหลาย การใช้อำนาจสูงสุดก็ให้มีบุคคลคณะบุคคลเป็นผู้ใช้อำนาจแทนราษฎรดังนี้ คือ
๑. พระมหากษัตริย์
๒. สภาผู้แทนราษฎร
๓. คณะกรรมการราษฎร
๔. ศาล
ลักษณะการปกครองแม้จะเปลี่ยนระบอบการปกครองมาเป็นประชาธิปไตยแต่ก็ถือว่าพระมหากษัตริย์เป็นประมุขของประเทศ เป็นสถาบันที่ถาวรและมีการสืบราชสมบัติต่อไปในพระราชวงศ์ การปฏิบัติราชการต่างๆ จะต้องมีกรรมการราษฎรผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ โดยได้รับความยินยอมจากคณะกรรมการราษฎรจึงจะใช้ได้ สถาบันที่เกิดใหม่คือ สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมีอำนาจทางนิติบัญญัติออกกฎหมายต่างๆ ซึ่งเมื่อพระมหากษัตริย์ลงพระปรมาภิไธยประกาศใช้แล้วจึงมีผลบังคับได้ เหตุนี้ในระยะแรกของการเปลี่ยนแปลงการปกครอง สภาผู้แทนจึงเป็นสถาบันที่มีอำนาจสูงสุดในทางการเมือง ส่วนการใช้อำนาจตุลาการยังคงให้ศาลยุติธรรมที่มีอยู่แล้วพิจารณาพิพากษาคดีให้เป็นไปตามกฎหมายได้ตามเดิม
กระทั่งถึง วันที่ ๑๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๕ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
ได้พระราชทานรัฐธรรมนูญราชอาณาจักรสยาม ฉบับถาวร ซึ่งมีหลักการต่างกับฉบับแรกในวาระสำคัญหลายประการ อาทิได้เปลี่ยนระบอบการปกครองเป็นการปกครองแบบรัฐสภา ทั้งนี้เนื่องจากรัฐธรรมนูญ พ.ศ.๒๔๗๕ ได้บัญญัติให้พระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นประมุขไม่ต้องรับผิดชอบทางการเมืองเป็นผู้ใช้อำนาจทางคณะรัฐมนตรี ซึ่งพระมหากษัตริย์ ทรงแต่งตั้งให้บริหารราชการแผ่นดิน แต่คณะรัฐมนตรีจะต้องรับผิดชอบในการบริหารราชการแผ่นดินต่อสภาผู้แทน รัฐสภาซึ่งเป็นฝ่ายนิติบัญญัติมิได้ใช้แต่เพียงอำนาจนิติบัญญัติเท่านั้น แต่มีอำนาจที่จะควบคุมคณะรัฐมนตรีในการบริหารแผ่นดินด้วย แต่อย่างไรก็ตาม คณะรัฐมนตรีรวมทั้งพระมหากษัตริย์ซึ่งประกอบกันเป็นรัฐบาลก็มีอำนาจที่จะยุบสภาผู้แทนได้ หากเห็นว่าได้ดำเนินการไปในทางที่จะเป็นภัยหรือเสื่อมเสียผลประโยชน์สำคัญของรัฐที่มีผลเท่ากับถอดถอนสมาชิกสภาที่ได้รับเลือกตั้งมาเพื่อให้ราษฎรเลือกตั้งใหม่ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์นั้นได้บัญญัติว่าพระมหากษัตริย์ดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ ้
รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ เป็นเครื่องกำหนดระเบียบแบบแผนของสังคม เพื่อเป็นการระลึกถึงรัฐธรรมนูญฉบับแรก อันเป็นฉบับถาวร และพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานให้กับปวงชนชาวไทย ทางราชการจึงกำหนด วันที่ ๑๐ ธันวาคมของทุกปี เป็นวันรัฐธรรมนูญ
วันพ่อแห่งชาติ
พ่อบอกพ่อสอนเราหลายอย่าง เว้นอยู่อย่างเดียวที่พ่อไม่เคยบอก ก็คือ "ให้เราทุกคนรักพ่อ" แต่เราก็รู้สึกด้วยได้หัวใจเราเองจากสิ่งที่พ่อทำ
เราเคยสงสัยหรือไม่ ทำไมเราเกิดมาต้องมีพ่อทั้งสองคน? ซึ่งเราทุกคนชาวไทยมีพ่อคนนี้เป็นพ่อเหมือนอย่างเรา พ่อในที่นี้ก็คือ พ่อหลวงของทุก ๆ คน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ท่านทรงเป็นมากกว่าพระมหากษัตริย์ เพราะทรงเป็นพ่อ และทรงเป็นมากยิ่งกว่าพ่อ และทรงให้มากกว่าชีวิต พ่อคนเป็นผู้คิด ผู้สร้าง หลักนำใจ เพื่อใช้ชีวิตให้เรารู้จักเพียงพอ ให้เรารู้จักถูกผิด
ในหลวงของเราทรงงานหนักมาโดยตลอด สิ่งที่พ่อทำก็เพื่อความสุขของประชาชนชาวไทย พ่อหลวงเข้าถึงประชาชนทุกหมู่เหล่า ทรงห่วงใยและให้ความช่วยเหลือประชาชนในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง สอนให้เราบริหารจัดการ ให้อยู่อย่างพอเพียงตามอัตภาพของแต่ละคน เมื่อน้ำท่วมก็หยิบยื่นความช่วยเหลือมาโดยตลอด และเมื่อเกิดภัยแล้งพระองค์ก็ทรงมีโครงการฝนเทียม เพื่อแก้ไขภัยแล้งให้กับประชาชนชาวไทย เพื่อให้มีน้ำใช้ น้ำบริโภค น้ำเพื่อใช้ในการเกษตร ทำให้ประชาชนมีอยู่มีกิน มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สิ่งที่พ่อทำก็เพื่อความสุขสบายของลูก ๆ ของพระองค์
พ่อทรงเหนื่อยเรารับรู้ได้ แต่พระองค์ไม่เคยตรัสเลยสักคำว่า "เหนื่อย" จนบางครั้งเราก็อดคิดไม่ได้ว่า เราทำงานยังรู้สึกเหนื่อย แล้วพ่อหลวงล่ะทรงงานมากกว่าเราเป็นล้านเท่า พ่อจะเหนื่อยสักแค่ไหน พ่อเคยพักบ้างไหม เพราะที่เราเห็นกันทุกวัน พระองค์ทรงมีพระราชกรณียกิจมากมาย วันหนึ่ง ๆ ต้องเสด็จไปไม่รู้กี่ที่ สิ่งที่พ่อทำ พ่อให้เรา มันบรรยายไม่ถูก แต่เชื่อว่าลูก ๆ ทุกคนรับรู้มันด้วยใจ
จะมีลูกคนไหนในผืนแผ่นดินไทยนี้ที่จะไม่รักพ่อบ้าง? เพราะสิ่งที่เราเห็นมันก็ยืนยันได้ว่า พ่อรักลูกทุก ๆ คนอย่างหาที่สุดไม่ได้ สำหรับดิฉัน รักพ่อหลวง เพราะพ่อทรงสอนให้ดิฉันรักตัวเอง ตั้งแต่การใช้ชีวิตที่ถูกที่ชอบ พ่อมีธรรมะ การประกอบสัมมาอาชีวะ การรู้จักความพอเพียงและพอดี รักที่พระองค์ทรงสอนให้ดิฉันรักคนอื่น (พี่น้องร่วมแผ่นดิน) โดยปราศจากอคติ และไม่คำนึงถึงความแตกต่าง ไม่ว่าจะด้วยเรื่องเชื้อชาติ ศาสนา ฐานะทางสังคม แม้กระทั่งลัทธิทางการเมือง รักพ่อที่ทรงสอนให้ดิฉันรักธรรมชาติ รักป่าไม้ รักต้นน้ำลำธาร รักผืนดิน รักสิ่งแวดล้อมรวมทั้งสัตว์ต่าง ๆ
ดิฉันรักพ่อหลวงก็เพราะพระองค์ทรงสอนให้ดิฉันรักและภูมิใจที่เกิดมาเป็นคน ไทย ในชาติไทยที่มีความร่มเย็นเป็นสุขด้วยพระบารมีปกเกล้าฯ พระบารมีที่เกิดจากน้ำพระราชหฤทัย น้ำพักน้ำแรง มันสมอง หยาดเหงื่อของพระองค์ ตลอดระยะเวลากว่า 60 ปีที่ครองราชย์ พระเมตตาของพระองค์เปี่ยมล้นมากยิ่งนัก พ่อทำเพื่อลูกมากมายเพียงนี้ แล้วทำไมดิฉันถึงไม่รักพ่อหลวงล่ะคะ
ภูมิใจและดีใจที่เกิดมาเป็นลูกของพ่อหลวง สิ่งที่ลูกจะตอบแทนให้พ่อ มันคงเทียบเท่ากับสิ่งที่พ่อทำให้ลูกไม่ได้ แต่ลูกคนนี้ขอสัญญาว่าจะเป็น "คนดี" ให้พ่อภูมิใจ จะเดินตามเส้นทางของพ่อ และลูกจะขอเป็นข้าฯฝ่าพระบาทของพ่อทุกชาติไป วันนี้สิ่งที่ลูกอยากบอกพ่อก็คือ "ถึงพ่อจะไม่เคยบอกเคยสอนให้รักพ่อ แต่ลูกก็รักพ่อสุดขั้วหัวใจของลูกจริง ๆ พ่อ"
เราเคยสงสัยหรือไม่ ทำไมเราเกิดมาต้องมีพ่อทั้งสองคน? ซึ่งเราทุกคนชาวไทยมีพ่อคนนี้เป็นพ่อเหมือนอย่างเรา พ่อในที่นี้ก็คือ พ่อหลวงของทุก ๆ คน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ท่านทรงเป็นมากกว่าพระมหากษัตริย์ เพราะทรงเป็นพ่อ และทรงเป็นมากยิ่งกว่าพ่อ และทรงให้มากกว่าชีวิต พ่อคนเป็นผู้คิด ผู้สร้าง หลักนำใจ เพื่อใช้ชีวิตให้เรารู้จักเพียงพอ ให้เรารู้จักถูกผิด
ในหลวงของเราทรงงานหนักมาโดยตลอด สิ่งที่พ่อทำก็เพื่อความสุขของประชาชนชาวไทย พ่อหลวงเข้าถึงประชาชนทุกหมู่เหล่า ทรงห่วงใยและให้ความช่วยเหลือประชาชนในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง สอนให้เราบริหารจัดการ ให้อยู่อย่างพอเพียงตามอัตภาพของแต่ละคน เมื่อน้ำท่วมก็หยิบยื่นความช่วยเหลือมาโดยตลอด และเมื่อเกิดภัยแล้งพระองค์ก็ทรงมีโครงการฝนเทียม เพื่อแก้ไขภัยแล้งให้กับประชาชนชาวไทย เพื่อให้มีน้ำใช้ น้ำบริโภค น้ำเพื่อใช้ในการเกษตร ทำให้ประชาชนมีอยู่มีกิน มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สิ่งที่พ่อทำก็เพื่อความสุขสบายของลูก ๆ ของพระองค์
พ่อทรงเหนื่อยเรารับรู้ได้ แต่พระองค์ไม่เคยตรัสเลยสักคำว่า "เหนื่อย" จนบางครั้งเราก็อดคิดไม่ได้ว่า เราทำงานยังรู้สึกเหนื่อย แล้วพ่อหลวงล่ะทรงงานมากกว่าเราเป็นล้านเท่า พ่อจะเหนื่อยสักแค่ไหน พ่อเคยพักบ้างไหม เพราะที่เราเห็นกันทุกวัน พระองค์ทรงมีพระราชกรณียกิจมากมาย วันหนึ่ง ๆ ต้องเสด็จไปไม่รู้กี่ที่ สิ่งที่พ่อทำ พ่อให้เรา มันบรรยายไม่ถูก แต่เชื่อว่าลูก ๆ ทุกคนรับรู้มันด้วยใจ
จะมีลูกคนไหนในผืนแผ่นดินไทยนี้ที่จะไม่รักพ่อบ้าง? เพราะสิ่งที่เราเห็นมันก็ยืนยันได้ว่า พ่อรักลูกทุก ๆ คนอย่างหาที่สุดไม่ได้ สำหรับดิฉัน รักพ่อหลวง เพราะพ่อทรงสอนให้ดิฉันรักตัวเอง ตั้งแต่การใช้ชีวิตที่ถูกที่ชอบ พ่อมีธรรมะ การประกอบสัมมาอาชีวะ การรู้จักความพอเพียงและพอดี รักที่พระองค์ทรงสอนให้ดิฉันรักคนอื่น (พี่น้องร่วมแผ่นดิน) โดยปราศจากอคติ และไม่คำนึงถึงความแตกต่าง ไม่ว่าจะด้วยเรื่องเชื้อชาติ ศาสนา ฐานะทางสังคม แม้กระทั่งลัทธิทางการเมือง รักพ่อที่ทรงสอนให้ดิฉันรักธรรมชาติ รักป่าไม้ รักต้นน้ำลำธาร รักผืนดิน รักสิ่งแวดล้อมรวมทั้งสัตว์ต่าง ๆ
ดิฉันรักพ่อหลวงก็เพราะพระองค์ทรงสอนให้ดิฉันรักและภูมิใจที่เกิดมาเป็นคน ไทย ในชาติไทยที่มีความร่มเย็นเป็นสุขด้วยพระบารมีปกเกล้าฯ พระบารมีที่เกิดจากน้ำพระราชหฤทัย น้ำพักน้ำแรง มันสมอง หยาดเหงื่อของพระองค์ ตลอดระยะเวลากว่า 60 ปีที่ครองราชย์ พระเมตตาของพระองค์เปี่ยมล้นมากยิ่งนัก พ่อทำเพื่อลูกมากมายเพียงนี้ แล้วทำไมดิฉันถึงไม่รักพ่อหลวงล่ะคะ
ภูมิใจและดีใจที่เกิดมาเป็นลูกของพ่อหลวง สิ่งที่ลูกจะตอบแทนให้พ่อ มันคงเทียบเท่ากับสิ่งที่พ่อทำให้ลูกไม่ได้ แต่ลูกคนนี้ขอสัญญาว่าจะเป็น "คนดี" ให้พ่อภูมิใจ จะเดินตามเส้นทางของพ่อ และลูกจะขอเป็นข้าฯฝ่าพระบาทของพ่อทุกชาติไป วันนี้สิ่งที่ลูกอยากบอกพ่อก็คือ "ถึงพ่อจะไม่เคยบอกเคยสอนให้รักพ่อ แต่ลูกก็รักพ่อสุดขั้วหัวใจของลูกจริง ๆ พ่อ"
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)